รักร่วมเพศได้รับการ”รักษา”ในเดือนนี้เมื่อ 45 ปีที่แล้ว
ลองจิตนาการดูว่าคุณสามารถรักษาโรคๆหนึ่งให้หายได้จากการลงคะแนนเสียง และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1974 เมื่อสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ได้ประการนำการรักร่วมเพศออกจากคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM) และนั่นเองคือตอนที่เพศทางเลือกนับล้านในโลกได้รับอิสระจากการเป็นโรคทางจิตในทันที
การที่การรักร่วมเพศได้รับการตัดสินว่าเป็นโรคเกิดจากอคติซึ่งย้อนกลับไปอย่างน้อยในช่วงของซีคมุนท์ ฟร็อยท์ ซึ่งเขาได้พูดถึงการเชื่อมโยงระหว่างการดึงดูดระหว่างเพศเดียวกันกับอาการหวาดระแวง เป็นเวลาหลายสิบปีที่ชายรักชายและหญิงรักหญิงถูกปฏิบัติเหมือนกับว่าพวกเขาต้องถูกรักษาให้หาย
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงในปี 1970 เมื่อหลายองค์กรเริ่มทำการประท้วงในการประชุมของ APA ที่ซานฟรานซิสโก และพวกเขาได้ทำการเดินขบวนอีกครั้งในปี 1971 จนกระทั่งในปี 1973 APA ได้ทำการเขียนว่าอาการรักร่วมเพศเป็นเรื่องปกติ และได้ทำการนำออกจากคู่มือทั้งหมดในปีถัดมา
“เห็นได้ชัดว่าการรักร่วมเพศไม่เข้าข่ายการเป็นอาการทางจิต” คณะกรรมการของ APA เขียน “โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มผู้รักร่วมเพศจำนวนมากมีความพึงพอใจในเพศของตัวเองและไม่มีอาการผิดปกติในการมีบทบาทและเข้าร่วมในสังคม”
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขนาดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะงานวิจัยของอัลเฟรด คินซีย์ เขาเริ่มเขียนเกี่ยวกับการดึงดูดระหว่างเพศเดียวกันในช่วงต้นยุค 1940 โดยเขาอธิบายว่าการรักร่วมเพศเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอาการผิดปกติ และเป็นสิ่งที่หลายๆคนได้รับความสุขจากพฤติกรรมของตัวเอง
นอกจากนั้นการบำบัดจิตวิเคราะห์ก็เริ่มหมดความน่าเชื่อถือในยุค 1970 โดยเฉพาะเมื่อภาพลักษณ์เชิงลบที่มากับการรักร่วมเพศเกิดขึ้นจากการบำบัดประเภทนี้
ในการประชุมของ APA ในปี 1972 เป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยหลังจากการประท้วงนานสองปี การประชุมในปีนั้นมีการนำเสนอเน้นประโยชน์และความเป็นปกติของการรักร่วมเพศโดยเฉพาะ
การแก้ไขคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตได้รับการนำโดยด็อกเตอร์ ริชาร์ด สปลิทเซอร์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการของ APA ในเรื่องการตั้งชื่อทวินาม โดยเขาได้ทำการรวบรวมหลักฐานจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่าการตัดสินการรักร่วมเพศเป็นอาการผิดปกติทางจิตเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และคำแนะนำของเขาก็ได้รับการสนับสนุนโดย APA ในที่สุด เมื่อสมาชิก APA นับพับคนได้ทำการลงคะแนนสนับสนุนสิ่งที่เขานำเสนอและเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ 58%
และเบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือกลุ่มนักบำบัดที่เป็น LGBT ได้ทำการนัดพบกันอย่างเงียบๆ โดยในช่วงแรกพวกเขาแค่นัดพบกันเพื่อสนับสนุนกันและกัน แต่สุดท้ายก็ได้พัฒนากลายมาเป็นสมาคมจิตแพทย์เกย์และเลสเบี้ยน
ตั้งแต่ตอนนั้น การบำบัดทางจิตได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยความเห็นที่ตรงกันในตอนนั้นคือการรักร่วมเพศไม่เคยเป็นปัญหาตั้งแต่แรก และพวกเขาจะยืนยันถึงความปกติในตัวตนทางเพศของผู้เข้ารับการบำบัด และสนับสนุนให้เข้าใจและยอมรับตัวตนของตัวเองมากกว่าที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายสิบปีให้หลังเราก็ยังคงมีหนทางอีกยาวที่ต้องเดิน ระบบการศึกษายังคงไม่สอนหรือให้ความรู้เกี่ยวกับตัวตนทางเพศที่น้อยมาก ทำให้แพทย์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบดูแลกลุ่มเพศทางเลือกเมื่อพวกเขามีปัญหา
แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ และยังเป็นเรื่องที่สถาบันต่างๆทั่วโลกเริ่มพูดถึงอย่างกว้างขวาง 45 ปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงของ APA ทำให้เรารู้ว่าเราเข้าใกล้การยอมรับอย่างสมบูรณ์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน