สตรีราชาชาวแอฟริกันกับการท้าทายเพศไบนารีในยุคศตวรรษที่ 17
ความเข้าใจตัวตนทางเพศของชาวตะวันตกอาจเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ ในบทสนทนาของชาว LGBTQ+ อยู่เสมอ แต่ในวงกว้าง ตัวตนทางเพศมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจกว่าเรื่องที่เราพบเจอ และหลาย ๆ เรื่องที่เรามองว่าเป็นเรื่องปกติในปัจจุบันอาจเป็นสิ่งตรงกันข้ามสำหรับบรรพบุรุษของเรา และการมองโลกผ่านความเข้าใจของเราเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เราพลาดมุมมองอื่นๆที่หลอมรวมให้เป็นชุมชนของเรา และในวันนี้ เราเลยตัดสินใจนำเรื่องราวของ “พระราชาที่เป็นผู้หญิง” อย่าง Nzingha Mbande มาเล่าให้ทุกคนฟัง
ราชินี Nzingha Mbande — หรือที่รู้จักกันในชื่อ สตรีราชา — เป็นผู้ปกครองอาณาจักร Ndongo และ Matamba (ทางตอนเหนือของ Angola ในปัจจุบัน) เธอเกิดเมื่อปี 1582 และได้รับอำนาจหลังจากพ่อและพี่ชายของเธอเสียชีวิตในช่วงการล่าอาณานิคมของโปรตุเกสในปี 1624 และเธอเป็นผู้นำกองทัพทหารที่ต่อต้านทัพโปรตุเกสนานกว่า 40 ปี ในระหว่างที่ประชาชนเรียกเธอว่า “พระราชา” และสวมเสื้อผ้าทั้งผู้ชายและผู้หญิงในขณะนั้น
ในเรื่องของตัวตนทางเพศของเธอที่มีความหลากหลาย บางคนอาจมองว่าเธอได้แต่งงาน ขณะที่คนอื่นมองว่าเธอเองมีภรรยาที่เป็นหญิง และยังมีบางกลุ่มที่กล่าวว่าเธอเองก็มีฮาเร็มสำหรับผู้ชายที่ชอบแต่งหญิงอีกด้วย
ความสามารถในการแสดงออกถึงตัวตนเพศทางเลือกของ Mbande อาจเป็นผลมาจาก “ความสามารถในกางแสดงและอำนาจทางสังคมของเธอ” บทความหนึ่งเขียน “อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้ทำให้ความรักระหว่างเพศหญิงด้วยกันในยุคนั้นลดลงไป โดยความเป็นเลสเบี้ยนของชาวแอฟริกันถูกหล่อหลอมโดยความเงียบ การต้องเก็บเป็นความลับ และการถูกกดขี่”
ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันระหว่างผู้หญิงมีชัยชนะตลอดในอดีตและในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในกว่า 40 วัฒนธรรมในแอฟริกา และสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยๆคือการที่ “ผู้หญิงใช้สถานะของตัวเองเพื่อครอบครองภรรยา และต่อต้านภาพลักษณ์ที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติในขณะนั้น”
เห็นได้ชัดว่าสถานะทางสังคมและอำนาจมีผลต่อความสัมพันธ์ของชาวเพศทางเลือก แต่อย่างไรก็ตาม “การมองว่าอำนาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงเป็นการมองข้ามความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากความรักและความต้องการของทั้งสองฝ่าย”
ความเป็นเพศทางเลือกของ Nzingha Mbande ส่งเสริมให้เกิดการต่อต้านตัวตนทางเพศแบบไบนาที ไม่ว่าจะเป็นเพราะสถานะทางสังคมหรือไม่ก็ตาม และเมื่อเราทำความเข้าใจ “ความเป็นเพศทางเลือก” มากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งสร้างชุมชนที่มีความเข้มแข็งได้มากขึ้นเท่านั้น
