มาฟังเรื่องราวความสำเร็จของภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์กัน

มาฟังเรื่องราวความสำเร็จของภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์กัน

Be first to like this.

This post is also available in: English

หนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์มีจุดเริ่มต้นเล็กๆจากแม่เลี้ยงเดี่ยวกับพิมพ์ดีดตัวหนึ่ง โดยชุดหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ของ J.K. Rowling พึ่งจะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อผู้สร้างภาพยนตร์ David Heyman หยิบหนังสือของเธอเล่มหนึ่งขึ้นมาจากกอง”ความสำคัญต่ำ”สำหรับการสร้างภาพยนตร์ดัดแปลง แต่หลังจากที่เลขาของเขาได้อ่านและแสดงออกถึงความตื่นเต้นก็เกิดเป็นการประมูลขึ้น และ Rowling ก็ได้ขายลิขสิทธิ์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ แฮรี่ พอตเตอร์ (หนังสือสี่เล่มแรก) ให้กับ Warner Brothers ในราคา 1 ล้านปอนด์ (ราว 42 ล้านบาท)

Rowling มีความกังวลว่าเธอจะเสียการควบคุมตัวละครของเธอเอง — หรือที่แย่กว่านั้นคือการที่มีภาคต่อโดยที่เธอไม่สามารถมีบทบาทอะไรได้เลย แต่สุดท้ายเธอก็มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทำภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ ซึ่งการที่นักแสดงทั้งหมดเป็นชาวอังกฤษก็เป็นการตัดสินใจของเธอเช่นกัน

J.K. Rowling

ตัวละครหลักทั้งสามของเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ นั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จักในตอนที่ภาพยนตร์เรื่องแรกถูกสร้างขึ้น Daniel Radcliffe เคยได้ปรากฎตัวในภาพยนตร์ของ BBC แต่ Emma Watson และ Rupert Grint เคยแสดงแค่ในงานของโรงเรียนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลายๆคนมองว่าการตัดสินใจเลือกเด็กทั้งสามคนเป็นนักแสดงถือเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยเฉพาะเมื่อทั้งสามคนเข้ากันได้อย่างดี และความสัมพันธ์ของทั้งสามก็แน่นแฟ้นขึ้นเมื่อพวกเขาโตขึ้นเช่นกัน

ความท้าทายอย่างหนึ่งในการสร้างภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ เรื่องแรกก็คือการหาผู้กำกับ โดย Steven Spielberg ได้แสดงความสนใจในช่วงแรกและต้องการสร้างเนื้อหาแอนิเมชั่น — ซึ่งน่าจะมีความแตกต่างจากภาพยนตร์ที่เราเห็นอย่างมาก รวมถึงด้วยเทคโนโลยีในขณะนั้นอาจจะทำให้ภาพยนตร์ที่มีระยะเวลาของเรื่องราวยาวนานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

Rowling ต้องการ Terry Gilliam ผู้กำกับชาวอังกฤษที่ขึ้นชื่อว่ามีผลงานที่แตกต่างและสุดขอบโลก แต่ก็มีระบบการทำงานที่ยุ่งเหยิง แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็น Christopher Columbus ที่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างภาพยนตร์อย่าง Home Alone และ Mrs. Doubtfire

ดาวเด่นจากภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ จากด้านซ้าย: Rupert Grint และ Daniel Radcliffe และ Emma Watson

แฮรี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ได้รับการดูแลโดย Steve Kloves ซึ่งเขาเองก็เป็นแฟนหนังสือตัวยงเช่นกัน และ Rowling เชื่อว่าเขาจะสามารถรักษาความรู้สึกจากหนังสือได้ แต่สุดท้ายบทของนักแสดงก็ไม่ได้แตกต่างไปจากหนังสือมากนัก โดย Rowling เองก็เป็นผู้อนุมัติสคริปท์ของภาพยนตร์ทั้งหมด และสาเหตุหลักก็เป็นเพราะว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่รู้จุดจบของภาพยนตร์เรื่องนี้

ภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์เรื่องแรกในปี 2001 ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว หลังทำรายได้ไปเกือบ 3,000 ล้านบาทในสหรัฐอเมริกา มีการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อในทันที นอกจากนั้นภาพยนตร์ก็ได้เติบโตไปพร้อมๆกับนักแสดงในเรื่องเช่นกัน

หลังจากที่เปลี่ยนผู้กำกับจาก Chris Columbus มาเป็น Alfonso Cuarón ภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ก็เปลี่ยนอารมณ์จากหนังสำหรับเด็กกลายเป็นภาพยนตร์ที่มีสีเทามากขึ้น และเมื่อ Mike Newell เข้ามากำกับภาพยนตร์ภาคที่สี่ เขาตั้งใจให้ภาพยนตร์ออกมามีความน่าตื่นเต้นน่ากลัว และสุดท้าย David Yates ก็ได้มีบทบาทในการสร้างภาพยนตร์ให้ออกมาดูมืดมนในภาพยนตร์ตอนที่เหลือ

ด้วยชุดหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ได้จบลงและยังมีเรื่องอื่นๆที่ตามมาแต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่เคย ทำให้เรารู้สึกประทับใจในความสำเร็จของภาพยนตร์ แฮรี่ พอตเตอร์ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไปอย่างมาก และไม่ใช่แค่เรื่องราวเวทย์มนตร์เดิมๆที่เราคุ้นตา

แฟรนไชส์ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เกิดการสร้างภาพยนตร์ดัดแปลงมากมายแทนที่จะมีแค่การสร้างภาพยนตร์ต้นฉบับเท่านั้น นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการสร้างภาพยนตร์ที่แบ่งออกเป็นสองตอนอย่างชัดเจน อย่างเช่น The Hobbit และ Avengers เป็นต้น

แต่มรดกที่มีค่าที่สุดจากชุดหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ และภาพยนตร์ ก็คือแฟนๆที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้รับชม ทำให้เกิดนักเขียนและผู้สร้างภาพยนตร์อีกมากมาย

แล้วคุณล่ะ ชอบแฮรี่ พอตเตอร์ภาคไหนมากที่สุด

Quantcast