Jobriath เทพเจ้าเพลงร็อคเพศทางเลือกคนแรกของโลกกับอายุ 73 ปีในวันนี้
This post is also available in: English
แฮปปี้เบิร์ดเดย์แก่ร็อคสตาร์อย่าง Jobriath ผู้เปลี่ยนแปลงร็อคแอนด์โรลไปตลอดกาล
แม้ว่าคุณจะไม่รู้จักชื่อของเขา แต่ Jobriath นั้นร้องเพลงสไตล์เพศทางเลือกก่อนที่เราหลายๆคนจะเกิดด้วยซ้ำ เขาเกิดที่เมืองเพนซิลเวเนียและโตที่รัฐเท็กซัสในสหรัฐอเมริกา เขาเป็นอัจฉริยะทางดนตรีและศึกษาด้านดนตรีโฟล์กและคลาสสิค เขาเข้ารับการเกณฑ์ทหาร แต่ก็ออกจากการเป็นทหารไม่กี่เดือนหลังจากนั้น และเขาเปลี่ยนชื่อตัวเองจาก Bruce Wayne Campbell เป็น Jobriath Salisbury เมื่อย้ายไปอยู่ที่ลอส แองเจลิส
ด้วยการเป็นนักแสดงมากความสามารถและมีความกล้า เขาก็ได้รับบทในการแสดงมิวสิคคัลชื่อ Hair ของบริษัท West Cost โดยรับบทเป็นเกย์วัยรุ่นคนหนึ่ง — แต่นั่นก็ไม่สามารถอยู่กับเขาได้นาน โดยเขาถูกไล่ออกเพราะ”ดึงความสนใจ”จากทุกๆคน หลังจากนั้นเขาได้ทำการทดลองอะไรหลายๆอย่าง ตั้งแต่การร่วมวงโฟล์กชื่อ Pidgeon อยู่สองเดือน ก่อนที่ทหารจะจับตัวเขา ความเครียดจากประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลทหารนานถึงครึ่งปี
แต่ด้วยโอกาสบางอย่างทำให้ Jobriath ได้มีชื่อเสียงมากขึ้นในช่วงต้นยุค 70 เพราะผู้จัดการคนหนึ่งชื่อ Jerry Brandt ได้บังเอิญไปเจอเทปเพลงที่เพื่อนร่วมงานของเขาเล่น และเขาก็ได้ทำการค้นหาที่มาของเพลงเหล่านั้น เพลงที่เขาได้ยินมีความแปลกและเหนือความคาดหมาย นั่นทำให้ Brandt — ผู้ค้นพบ Barry Manilow — รู้สึกสนใจขึ้นมา
ในตอนนั้น Jobriath เองกำลังขายบริการ แต่กลับได้รับสัญญามูลค่าครึ่งล้านดอลล่าร์ (15 ล้านบาท) พร้อมการโปรโมทหลายๆทางผนวกกับสไตล์ของ Jobriath ที่คล้ายๆรูปปั้นเปลือย เขาสัญญากับสื่อว่าที่การแสดงในปารีส Paris เขาจะปรากฎตัวเป็นคิงคองปีนจู๋ขนาดยักษ์ก่อนจะแปลงกายเป็น Marlene Dietrich
แล้วเพลงของเขาล่ะ ปรากฎว่านักวิจารณ์ทุกคนรักเสียงยั่วยวนและสไตล์ร็อคของเขามาก และเป็นเพราะสไตล์ของเขานั่นเองที่ทำให้โลกต้องหันมาสนใจ ด้วยฉายา”นางฟ้าแห่งเพลงร็อค” Jobriath แสดงออกทางเพศอย่างชัดเจนในการแสดงมากเกินกว่าที่ David Bowie จะจัดการไหว และเขาจะถูกถ่ายภาพเหมือนกับเป็นวัตถุแห่งความงาม — ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างจากศิลปินคนอื่นๆในยุค 70 มาก
นั่นทำให้เขากลายเป็นส่วนแบ่งทางสังคมในหลายๆครั้ง เกย์หลายๆคนที่พอใจในการทำตามคนอื่นๆรู้สึกกลัวการแสดงออกของเขา เขามีความสุขจากการแสดงออกเป็นหญิงและชอบเป็นรับ — ซึ่งตรงกันข้ามกับนักร้องอย่าง Freddie Mercury และ Boy George ที่ไม่ค่อยชอบให้หลายๆคนตีตราเท่าไหร่นัก
แต่อาจจะด้วยความกล้าของเขานั่นเองทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มลดลงในช่วงกลางยุค 70 และสุดท้ายเขาถอยออกมาจากการแสดงคอนเสิร์ตและเลือกการแสดงคาบาเรต์ที่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชมมากขึ้น นอกจากนั้นเขาก็ยังได้ขายบริการพร้อมกับอาศัยอยู่ที่ยอดพีระมิดที่โรงแรม Chelsea Hotel ในนิวยอร์คซิตี้อีกด้วย
เป็นที่นั่นเองที่เขาถูกพบว่าเสียชีวิตบนเปียโนของเขาในปี 1983 ซึ่งเขาเสียชีวิตไปด้วยอายุเพียงแค่ 36 ปีเพราะเชื้อ HIV อย่างน่าเสียดาย
เราไม่สามารถจิตนาการได้ว่าหาก Jobriath ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาจะสร้างผลงานอะไรออกมาบ้าง — และเขาจะเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อเพลงร็อคและเพศไปมากแค่ไหน แต่แต่นอนว่าอิทธิพลของเขายังคงรับรู้ได้ในผลงานของศิลปินที่เป็นแฟนของเขาจนถึงทุกวันนี้ เช่น Morrissey และ Def Leppard
ยังไม่สายเกินไปที่เราจะได้ทำความรู้จักกับผลงานของเขา ลองเสิร์ชบน YouTube ดูก็ได้