‘Madame X’ อัลบั้มใหม่ของมาดอนน่าในฐานะราชินีแห่งเพลงป๊อป

‘Madame X’ อัลบั้มใหม่ของมาดอนน่าในฐานะราชินีแห่งเพลงป๊อป

Be first to like this.

This post is also available in: English Español

ถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับแฟนเพลงมาดอนน่า เพราะในช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมา — ทั้งอัลบั้ม Hard Candy และ MDNA และ Rebel Heart — แฟนๆของเธอต้องขอโทษและแย้งคำครหาว่าเธอนั้นหมดแรงบันดาลใจและกลายเป็นคนตามเทรนด์แทนที่จะเป็นผู้สร้างเทรนด์ไปแล้ว

และตอนนี้ถึงเวลาขอบคุณพระเจ้าอะไรก็ตามที่คุณเชื่อ — หรืออาจจะต้องขอบคุณประธานาธิบดีหัวส้มที่ทำให้เธอเกิดความคิดสร้างสรรค์ — เพราะอัลบั้มที่ 14 ของเธอชื่อ Madame X ถือเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดหลังจาก Confessions on a Dance Floor

เธอเริ่มต้นอัลบั้ม Madame X ของเธอด้วยเพลงภาษาอังกฤษปนละตินชื่อ “Medellín” คู่กับศิลปินเรกเก้ชาวโคลัมเบียชื่อ Maluma พร้อมกับการทวงคืนความบริสุทธิ์ที่เธอไม่เคยได้รับ “ฉันกินยาและฝันไป” เธอร้อง “ฉันย้อนเวลากลับไปตอนอายุ 17 ในช่วงที่ฉันยังไร้เดียงสา” ซึ่งเป็นเพลงที่ฟังดูร่าเริงและผ่อนคลายก่อนที่ความมืดจะตามมาในอัลบั้มเต็มที่มีทั้งหมด 15 เพลง

“เป้าหมายของฉันไม่ใช่การที่แฟนๆรู้จักฉันมากขึ้น” เธอพูดถึงอัลบั้มใหม่นี้และแฟนๆของเธอ “ฉันอยากให้พวกเขาเห็นถึงมุมมองที่ฉันมีต่อชีวิตและความขัดแย้งในตัวของมันเอง เราทุกคนต่างต้องระมัดระวังตัว แต่ก็ต้องเปิดใจให้กว้าง และต้องตัดสินคนอื่นให้น้อยลง ยอมรับกันให้มากขึ้น รักกันให้มากขึ้น และออกไปท่องโลกให้มากขึ้น”

หากพูดกันง่ายๆก็คือเธอมีชุมชนในหัวของเธอ และชุมชนในครั้งนี้คือทั้งโลกรวมกัน ไม่ใช่แค่เพียงบาร์เกย์หรือคลับใต้ดินที่หล่อหลอมตัวตนของเธออีกต่อไป เธอพยายามรับรู้สิ่งใหม่ๆ และเธอไม่ได้ต้องการแท่นอะไรทั้งนั้น แต่ศิลปินจากยุค 80 ที่เชื่ออย่างสุดใจว่าเรื่องส่วนตัวคือเรื่องของการเมืองไม่เคยพูดผิดในเรื่องนี้

“ทุกคนรู้ความจริงดี” คือท่อนหลักของเพลง “God Control” ซึ่งเป็นเพลงแห่งความรักที่สุดที่เธอทำหลังจากเพลง “Hung Up”

การใช้ Mykki Blanco เป็น Joan of Arc ในวีดีโอ “Dark Ballet” คือการท้าทายเรื่องทางเพศอย่างแม่นยำคล้ายกับ “Like a Prayer” ของเธอ

นอกจากนั้นความทะเยอทะยานของเธอใน — “I Rise” — ก็มีเนื้อหาอารมณ์ผิดหวังกับการกราดยิงในโรงเรียนที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสหรัฐอเมริกา

ในอัลบั้มใหม่นี้มีเรื่องที่เราชอบมากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะชอบไปซะทุกเรื่อง อย่าง “Bitch I’m Loca” ควรจะเป็นเพลงสุดท้ายที่เธอใช้คำว่า “bitch” ในชื่อเพลง — นอกจากนั้น “Crave” ก็เป็นเพลงป๊อปอิเล็กโทรที่เธอเป็นคนพูดเองว่าน่าจะเหมาะกับ Ariana Grande มากกว่า และยังมีบางครั้งที่เนื้อเพลงจะฟังดูทื่อไปสักหน่อย

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสักนิดเดียว เพราะเธอไม่ได้ทำการทดลองมานานมากแล้ว — อย่างการเคลื่อนไหวแบบสั้นๆอย่างรวดเร็วที่รวมมาเป็น “Dark Ballet” ก็ฟังดูแปลกๆแต่ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน หรือการบิ้วอารมณ์แบบช้าๆในเพลง “God Control” ก็อาจทำให้มีผู้ฟังจำนวนไม่มากเท่าที่ควร และเพลง “I Don’t Search I Find” ที่เป็นเรื่องราวของความรัก ความรู้ การฟันฝ่า การก้าวไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และการยอมรับกลายเป็นเรื่องที่หนักเกินไปในเพลงเดียว

เพลงโบนัสในชุดอัลบั้มเต็มก็เป็นอีกเพลงที่คุ้มราคาที่ต้องจ่าย และถึงขนาดนั้นเพลงที่เราชอบน้อยที่สุดก็ยังเป็นเพลงที่ดีอยู่ดี

หลังจากทางตันในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เราคิดว่าวันที่ดีที่สุดของเธออาจจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เพลงในอัลบั้มนี้ที่แม้ว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็สามารถยืนเคียงข้างเพลงคลาสสิกของเธอได้อย่างไม่อาย และสำหรับใครก็ตามที่เคยสงสัยในตัวมาดอนน่า (ผมก็คนหนึ่ง) Madame X คือการย้ำเตือนให้เราไม่ตัดใครออกจากความเป็นไปได้ เพราะไม่ว่าจะยังไง เธอก็คือมาดอนน่าอยู่เสมอ

อัลบั้ม Madame X ของมาดอนน่าเปิดตัวแล้ววันนี้

Quantcast