รายงานใหม่เผยการบำบัดแก้เพศวิถีทำร้ายเพศทางเลือกทั่วโลก

รายงานใหม่เผยการบำบัดแก้เพศวิถีทำร้ายเพศทางเลือกทั่วโลก

Be first to like this.

This post is also available in: English

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คำว่า”การบำบัดแก้เพศวิถี”ได้กลายมาเป็นปรากฎการณ์บนพาดหัวข่าวทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสเตรเลีย หลังจากที่เคยเป็นเรื่องที่แทบไม่ถูกพูดถึงมาก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการที่หลายรัฐบาลเริ่มพิจารณาการแบนการบำบัดแก้เพศวิถี — ตั้งแต่ที่มัลดีฟส์ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และนิวซีแลนด์ — ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติที่มีเป้าหมายในการเปลี่ยน ข่ม หรือเบนตัวตนทางเพศและการแสดงออกทางเพศในพื้นที่เหล่าที่เริ่มเปลี่ยนไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เกือบทุกคนไม่รู้ก็คือการบำบัดแก้เพศวิถีนั้นเกิดขึ้นในทุกมุมโลก รวมถึงบริเวณที่ไม่ได้ถูกพูดถึงในข่าวเช่นกัน

เมื่อเดือนที่ผ่านมา OutRight Action International ได้เผยแพร่รายงานชื่อ “Harmful Treatment: The Global Reach of So-Called Conversion Therapy” ซึ่งพูดถึงความกว้างขวางของการบำบัดแก้เพศวิถีและผลเสียที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการบำบัดเหล่านี้ และแม้ว่าเราจะไม่สามารถประมาณการตัวเลขชาว LGBTQ ที่ได้รับผลกระทบได้ แต่เราสามารถบอกได้ว่ากลุ่มเพศทางเลือกในทุกมุมโลกต่างได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน การแฝงตัวมาในชื่อของศาสนาและการรักษาทางเลือกพร้อมกับการทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ การรักษาเหล่านี้ไม่เคยได้ผลจริงและมักจะส่งผลให้เกิดความบอบช้ำทางจิตใจในระยะยาว

การมีอยู่และความแพร่หลายของการบำบัดแก้เพศวิถีเป็นผลโดยตรงมาจากการไม่ยอมรับและความกลัวที่สังคมมีต่อชาว LGBTQ ทั่วโลก โดยในศูนย์กลางความเชื่อนี้ก็คือเพศชายและหญิง รวมถึงการรักต่างเพศเป็นสิ่งปกติ และตัวตนทางเพศที่นอกเหนือไปจากนั้นรวมถึงการมีความรู้สึกต่อเพศเดียวกันนอกจากจะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติแล้วยังเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องอีกด้วย

เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เคยเข้ารับการบำบัดแก้เพศวิถี ราวหนึ่งในสามไปเพราะตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะแรงกดดันจากครอบครัว ศาสนา หรือสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงผลกระทบจากความกลัวเพศทางเลือกที่มีต่อชาว LGBTIQ — และความยากลำบากในการยอมรับตัวเองในขณะที่ครอบครัวหรือความเชื่อเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกอับอาย

จาก 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เคยเข้ารับการบำบัดแก้เพศวิถี ราวหนึ่งในสามเข้ารับการบำบัดเพราะการตัดสินใจของตัวเอง

50 ปีหลังจากการเคลื่อนไหวเพื่อเพศทางเลือก รายงานชิ้นนี้ทำให้เราเห็นภาพอย่างชัดเจนว่าเรายังต้องต่อสู้อีกมากแค่ไหนเพื่อให้ชาว LGBTQ ได้รับการยอมรับในสิ่งที่พวกเราเป็น ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ โดยไม่ต้องเผชิญกับความเกลียดชัง ความรุนแรง และการตัดสินอย่างไม่ถูกต้อง

มีเพียงสี่ประเทศในโลกเท่านั้นที่มีการแบนการบำบัดแก้เพศวิถี หลายประเทศมีการห้ามโดยไม่สมบูรณ์ และหลายประเทศกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา เราต้องการให้หลายๆประเทศเข้าร่วมคลื่นลูกนี้ นโยบายและการออกกฎหมายห้ามการบำบัดแก้เพศวิถีเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันเป็นการประกาศออกไปอย่างชัดเจนว่าการบำบัดแก้เพศวิถีนั้นไม่ได้ผล และยังมีการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน รวมถึงการช่วยเหลือผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อด้วย

นอกจากนั้นแล้ว การปฏิบัติของสถานเหล่านี้ไม่ใช่การบำบัด และยังไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของพวกเขาถูกค้านจากองค์กรที่มีชื่อเสียงอย่างองค์กรอนามัยโลก บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่สนับสนุนการบำบัดแก้เพศวิถีควรจะถูกถอดใบอนุญาต

นอกจากนั้นกลุ่มผู้นำทางศาสนาก็มีบทบาทในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะความเชื่อทางศาสนาไม่ควรใช้เป็นสามารถในการกระทำที่ขัดต่อความเป็นมนุษย์อีกต่อไป ผู้นำทางศาสนามีความรับผิดชอบที่จะต้องกำชับและปฏิเสธการปฏิบัติดังกล่าว รวมถึงสนับสนุนให้ผู้เชื่อในศาสนาของตัวเองยอมรับสมาชิกที่เป็น LGBTQ ด้วย

สุดท้ายแล้วความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขตัวตนทางเพศของ LGBTQ จะจบลงเมื่อกลุ่มเพศทางเลือกได้รับสิทธิมนุษยชนอย่างสมบูรณ์ การบำบัดแก้เพศวิถีคือการประจักษ์ของความกลัวเพศทางเลือกที่ได้รับการเติมเชื้อเพลิงจากความเชื่อที่ว่า LGBTQ นั้นเป็นสิ่งผิดปกติที่ไม่สามารถยอมรับได้ นี่คือสิ่งที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาการบำบัดแก้เพศวิถีจึงควรกระทำควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจชาว LGBTQ ในสังคม

ผู้ตอบแบบสอบถามคนหนึ่งบอก “ผมแค่อยากจะได้รับการยอมรับเท่านั้น” จนกว่าชาว LGBTQ จะได้รับการยอมรับ การบำบัดแก้เพศวิถีจะยังคงเป็นปัญหาอยู่เรื่อยไป

คุณมีความเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการบำบัดแก้เพศวิถี คุณเคยมีประสบการณ์เข้ารับการบำบัดหรือเปล่า

Quantcast