รีวิวการใช้งาน INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (INSTI HIV Self Test)
ทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้ปลดล็อกในไทยแล้วเมื่อเดือนเมษา 2562 ที่ผ่านมาไม่นานนี้ แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยลดอัตราการติดต่อของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในไทยได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองนี้จะเข้ามาเติมช่องว่างทางสังคมที่ยังเป็นที่เข้าใจผิดในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการถูกตีตราทางสังคมที่พบเห็นได้ทั่วไปทั้งในผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ที่ติดเชื้อเองก็ตาม ปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญอย่างปฏิเสธไม่ได้ คือการที่สังคมจำกัดว่าผู้ที่ตรวจเอชไอวีเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ถูกมองว่าเสี่ยงต่อคนรอบข้าง ไปจนถึงกลายเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจในคนสังคมรอบข้างอีกด้วย
INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (INSTI HIV Self Test) ได้ผ่านการรับรองจากองค์กรระดับสากลอย่างองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ US FDA (Food and Drug Administration) และ กระทรวงสาธารณสุขประเทศแคนาดา หรือ Health Canada รวมทั้งผ่านมาตรฐานสหภาพยุโรป หรือ CE (European Conformity) และผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO Pre-Qualified ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับระดับโลกทั้งสิ้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาการขาดโอกาสเข้าถึงการตรวจคัดกรองเบื้องต้น ที่หลายประเทศประสบอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
รีวิวการใช้งาน INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองในระดับนานาชาติ
เมื่อปลายปี 2559 ทางผู้นำด้านการตรวจโรคติดต่อเชื้ออย่างฉับไวระดับโลกอย่าง bioLytical Laboratories ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในการวางจำหน่าย INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ภายในแอฟริกาซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการติดต่อของเอชไอวีมากอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยสาเหตุสำคัญนี้เองทำให้ผู้ผลิตมองเห็นโอกาสในการจัดจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยามากกว่า เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับโอกาสเข้าถึงตรวจคัดกรองเอชไอวีเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันยังมั่นใจได้ว่า INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองนี้มีประสิทธิภาพดีเทียบเท่าการตรวจคัดกรองโดยแพทย์ หรือ สถานพยาบาล
ที่สำคัญคือ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ยกระดับแนวทางการเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยเชื้อเอชไอวี โดยการเปิดเผยของ Dr. Gottfried Hirnschall ผู้อำนวยการแผนกเอชไอวีขององค์การอนามัยโลก กล่าวช่วงก่อนที่จะถึงวันเอดส์โลกในปีดังกล่าวว่า “ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะช่วยให้ประชาชนรู้สถานะการติดเชื้อเอชไอวีของตนเอง และสนับสนุนให้คู่สมรสทำการตรวจด้วยเช่นกัน ชุดตรวจนี้จะทำให้หลาย ๆ คนรับรู้สถานะของตนเอง และสามารถรับมือกับโรคได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเข้ารับการตรวจในสถานพยาบาล และต้องการตรวจด้วยตนเองมากกว่า“
มีรายงานว่าการคิดค้นและพัฒนาของ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ทำให้กลุ่มชายรักชายตรวจเอชไอวีถี่กว่าเดิมเกือบ 2 เท่า ในขณะเดียวกันผู้ชายในเคนยาที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ก็ตรวจเอชไอวีมากกว่าเดิมถึง 2 เท่าเมื่อมีชุดตรวจด้วยตนเองที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
(ข้อมูลจาก : bioLytical จำหน่ายชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง “INSTI HIV Self Test” ในแอฟริกา)
ข้อดีของ INSTI ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่หลาย ๆ ประเทศมั่นใจ
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI เหมาะกับใครบ้าง?
การเลือกใช้ชุดตรวจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีหรือ ผู้ที่มีความต้องการทราบสถานะเลือด ได้สามารถเข้าถึงการคัดกรองได้ง่ายมากที่สุด ซึ่งชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI เหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI
การตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะใช้หลักการตรวจเบื้องต้นที่เหมือนกับการตรวจโดยสถานพยาบาล โดยใช้การตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกาย ซึ่งจะตรวจพบได้จากการที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานนี้ขึ้น ทั้งนี้สามารถตรวจพบได้ในระยะเวลาตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 3 เดือน (ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละบุคคล) ดังนั้นทางที่ดีที่สุดในการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง คือจะต้องประมาณให้ได้ชัดเจนว่าตนรับเชื้อครั้งล่าสุดเมื่อไหร่แล้วประเมินระยะเวลาว่าครบ 1 เดือนจึงจะเหมาะสมมากที่สุด ย้ำว่าในกรณีที่เกิดข้อสงสัยว่าตนอาจติดเชื้อเอชไอวี ไม่ควรใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองทันทีเพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่แม่นยำ จนทำให้ชะล่าใจในการป้องกันและการดำเนินชีวิตต่อไป ในขณะเดียวกันหากผลตรวจพบว่ามีเชื้อเอชไอวีในร่างกายสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกคือ การตั้งสติให้ดี หลังจากนั้นควรเข้าตรวจยืนยันผล ณ สถานพยาบาลที่สะดวก เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีและรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
ข้อแนะนำสำหรับการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI
สำหรับการตรวจเอชไอวีทั้งภายในสถานพยาบาล หรือการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง สิ่งหนึ่งที่จะต้องทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นความสำคัญต่อการตรวจอย่างสม่ำเสมอและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อผลกระทบทุกองค์ประกอบอันเกิดจากเอชไอวี
จากการพัฒนาทางการแพทย์ที่มุ่งหวังเพื่อลดอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก ด้วยการคิดค้นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองขึ้น ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงได้เข้าถึงการคัดกรองได้สะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศอนุญาตอย่างเป็นทางการ ให้วางจำหน่ายได้ในร้านขายยาและตัวแทนจำหน่าย ทั้งนี้จะต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางการแพทย์ต่าง ๆ ให้มั่นใจได้ว่าชุดตรวจมีคุณภาพเชื่อถือได้ โดยในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI ได้ผ่านการรับรองจากประเทศแคนาดาตลอดจนหน่วยงานของไทยเป็นที่เรียบร้อย จึงมั่นใจได้ว่าผลการตรวจที่ได้รับนั้นมีความแม่นยำอย่างแน่นอน
ภายในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI มีเอกสารข้อบ่งใช้ให้ผู้ใช้ได้ศึกษาอย่างละเอียดก่อนการตรวจ โดยมีการระบุอย่างชัดเจนว่าอุปกรณ์และสารต่าง ๆ จะใช้ในขั้นตอนใดบ้าง ทั้งนี้จะมีการออกแบบชุดอุปกรณ์ให้สังเกตความแตกต่างได้ง่าย จึงมั่นใจได้ว่าหากปฏิบัติตามข้อบ่งใช้ที่แนบมาอย่างครบถ้วนย่อมได้รับผลการตรวจที่แม่นยำ
จากเนื้อหาที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นเพียงชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น และเพื่อให้ผลการตรวจมีความแน่ชัดมากที่สุดผู้ตรวจควรทำการตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากนั้น 3 เดือน เนื่องจากบางกรณีอาจตรวจไม่พบเชื้อซึ่งมีสาเหตุมาจากยังอยู่ในระยะฟักตัวนั่นเอง
ในกรณีที่ผู้ตรวจพบว่าชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง มีความชำรุดหรือผิดปกติ เช่น แตก หัก บิดเบี้ยว หรือไม่มีเอกสารข้อบ่งใช้ภายในชุดตรวจ ผู้ตรวจไม่ควรใช้อุปกรณ์ดังกล่าวโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจส่งผลให้ผลการตรวจเอชไอวีไม่มีความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการใช้งานลดลง
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อินสติ (INSTI) คือหนึ่งในผู้ผลิตชุดตรวจแบบเจาะเลือดที่ได้มาตรฐานการรับรองสากล สามารถทราบผลการตรวจได้เร็วเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญคือตรวจพบเชื้อได้ในระยะที่เร็วกว่าชุดตรวจทั่วไปถึง 2 สัปดาห์ ปัจจุบันวางจำหน่ายในประเทศอย่างถูกต้องหลากหลายช่องทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ https://thailandhivtest.com/ และอีก 4 สถานที่จัดจำหน่าย
อย่างไรก็ตามในประเทศไทยเองเพิ่งมีการปลดล็อกชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองในปี 2562 ซึ่งนับว่าไม่นานมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เนื่องจากทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เหมาะสมต่อการความต้องการตรวจด้วยตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ประกอบกับการศึกษาถึงข้อดีข้อเสียอย่างครอบคลุม และได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการดังกล่าว ซึ่งเล็งเห็นแล้วว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ตอบโจทย์ในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นได้ดีนั่นเอง