รุก-รับ ใครเสี่ยงกว่ากัน

รุก-รับ ใครเสี่ยงกว่ากัน

Be first to like this.

รุก-รับ ใครเสี่ยงกว่ากัน

จากผลวิจัย เมื่อเทียบปริมาณความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีโดยประมาณจากการสัมผัสเชื้อแต่ละครั้ง ในการรับเลือด 1 ยูนิต ฝ่ายรับมีโอกาส 1-30% ในขณะที่ ฝ่ายรุกมีโอกาส 0.1-10%

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้ว การมีเซ็กส์ทางทวารของชายรักชายโดยไม่สวมถุงอาจก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ มากมายตามมา วันนี้ขอนำเสนอความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยมาฝากกัน

อย่างที่เรารู้ดีว่าปัจจุบันมียา PrEP ที่สำหรับใช้กินก่อนการมีสัมพันธ์แบบเสี่ยง ซี่งจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อเอชไอวีได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกการป้องกันไม่ได้ผล 100% ดังนั้น การสวมถุงยางอนามัยก็เป็นทางเลือกแรก เพราะว่า PrEP ไม่ได้ป้องกันโรคอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักถือเป็นช่องทางการติดเชื้อเอชไอวีที่มีความเสี่ยงที่สุดรองจากการเปลี่ยนถ่ายเลือด แต่ความเสี่ยงดังกล่าวจะมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับในกิจกรรมครั้งนั้นด้วย โดยคนที่เป็นฝ่ายรับมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชไอวีมากกว่ามาก เนื่องจากผิวหนังในทวารหนักนั้นบางกว่าผิวหนังของอวัยวะเพศชาย ดังนั้นความเสี่ยงในการติดเชื้อจึงมากกว่าด้วย

สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ผู้ที่เป็นฝ่ายรับมีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี 1.38% โดยจากสถิติ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับคนที่มีเชื้อเอชไอวีโดยเป็นฝ่ายรับ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี 138 ครั้งจากทุก 10,000 ครั้ง หรือประมาณ 1.38%

ในขณะที่การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักสำหรับผู้ที่เป็นฝ่ายรุกมีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี  0.11% โดยจากสถิติแล้วมีโอกาสที่จะติดเชื้อเอชไอวี 11 ครั้งจากทุกๆ 10,000 ครั้ง หรือเท่ากับ 0.11% อย่างไรก็ตาม การเป็นฝ่ายรุกยังถือว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อยกว่าการเป็นฝ่ายรับนับสิบเท่า

สำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก เราถูกเตือนว่าควรสวมถุงยางอนามัยเช่นกัน แต่พวกเราทุกคนรู้ดีว่า การสวมถุงยางอนามัยแล้วทำออรัลเซ็กส์ให้กัน เป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีใครชอบ และเกือบทุกคู่ มักจะไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับการออรัลเซ็กส์ แต่อย่างไรก็ตาม ออรัลเซ็กส์ก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี แต่ “น้อย”

โอกาสที่ใครคนใดคนหนึ่งจะติดเชื้อเอชไอวีจากการทำออรัลเซ็กส์นั้นน้อยมาก ทั้งจากสภาวะภายในปากของมนุษย์เองที่เชื้อเอชไอวีไม่สามารถอยู่อาศัยได้ รวมถือความหนาของผิวหนังในปากและคอที่หนากว่าที่อวัยวะเพศ ทำให้โอกาสที่จะเกิดการแพร่เชื้อเอชไอวีผ่านออรัลเซ็กส์มีน้อย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกระทำหรือถูกกระทำ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมนี้มักจะเกิดขึ้นร่วมกับกิจกรรมทางเพศในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย จึงวัดได้ยาก ว่าผู้ที่ติดเชื้อนั้นติดมาจากการทำออรัลเซ็กส์หรือจากกิจกรรมทางเพศอื่น

นอกจากนี้ การกัดหรือการถุยน้ำลายใส่ มีโอกาสติดเชื้อแต่ “น้อยมาก” รวมไปถึงการใช้เซ็กส์ทอยร่วมกัน ก็มีโอกาสติดเชื้อ “น้อยมาก” เช่นกัน เพราะโดยทั่วไปแล้ว เชื้อเอชไอวีไม่มีอยู่ในน้ำลายและปาก การกัด การถุยน้ำลายใส่ หรือสัมผัสกับน้ำลายของผู้ติดเชื้อ รวมถึงการจูบ ไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเอชไอวีนั่นเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีก็ใช่ว่าจะถ่ายทอดเชื้อสู่ผู้อื่นได้ง่าย เพราะหากผู้ติดเชื้อทานยาต้านไวรัสเป็นประจำจะทำให้เชื้อแทบจะตรวจไม่เจอ ก็จะเกิดกระบวนการ U = U โดย U ตัวแรกมาจาก Undetectable (ตรวจไม่พบ) ส่วน U ตัวที่สองมาจาก Untransmittable (ไม่ถ่ายทอด) ดังนั้น U = U จึงหมายความว่า เมื่อตรวจไม่เจอ (เชื้อเอชไอวี) ก็ไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ผู้อื่นได้

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีเพียงเอชไอวีอย่างเดียว เพราะยังมีโรคอื่น ๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับสุขภาพของเราได้อีก เช่น หนองใน หรือซิฟิลิส

     สำหรับบล็อกนี้ไม่มีอะไรมาฝากไว้ให้คิด แต่อยากให้ทุกคนรู้จักป้องกัน และหมั่นตรวจเลือดทุกครั้ง อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน

Quantcast