ลืมการตั้งปณิธานปีใหม่และใช้ 3 วิธีที่ได้ผลจากไลฟ์โค้ชกันดีกว่า

ลืมการตั้งปณิธานปีใหม่และใช้ 3 วิธีที่ได้ผลจากไลฟ์โค้ชกันดีกว่า

Be first to like this.

This post is also available in: English Русский Українська

มีเพียงแค่ราว 8% ของคนที่ตั้งปณิธานปีใหม่ที่จะทำได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้จริงๆ ฉะนั้นปีนี้เรามาลืมวิธีเก่าๆและใช้วิธีการตั้งเป้าหมายที่แตกต่างไปจากที่เคยทำมากันดีกว่า

“สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือการตั้งปณิธานปีใหม่เป็นวิธีหนึ่งที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวได้ง่ายๆ” Michael Mitchell ไลฟ์โค้ชเกย์จากวอร์ชิงตัน ดีซี กล่าว “คนจำนวนมากไม่ได้มองว่ามันเป็นแผนในระยะยาวของชีวิต และบ่อยครั้งเป้าหมายที่ตั้งขึ้นก็เป็นการใฝ่หาความสมบูรณ์แบบที่ไม่เหมาะสม”

“แทนที่จะพูดว่า ‘ฉันอยากจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโล’” Mitchell กล่าว “เราลองบอกตัวเองว่า ‘ฉันอยากจะมองตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้’ แล้วดูว่าคำตอบของเราคืออะไร?”

เราจึงได้ทำการสำรวจวิธีการที่ Mitchell และไลฟ์โค้ชคนอื่นๆใช้ และได้เลือกวิธีที่จะทำให้คุณสามารถตั้งเป้าหมายและก้าวไปสู่ปีหน้าและชีวิตที่มีความหมายได้ง่ายขึ้น

1. แบ่งชีวิตตัวเองให้เป็นส่วนๆ

ช่วงแรกที่ Mitchell ดูแลลูกค้าของเขา เขาจะเริ่มด้วยการให้แบ่งชีวิตของตัวเองออกมาเป็นส่วนๆ — จะเป็นเรื่องงาน เรื่องทางสังคม เรื่องครอบครัว การเงิน สุขภาพ ความก้าวหน้า การเติบโต และเรื่องอื่นๆ — และให้แต่ละคนเขียนคะแนนความพึงพอใจในเรื่องเหล่านั้นจาก 1 ถึง 10 ซึ่งการทำแบบนั้นจะช่วยให้คุณมองเห็นจุดแข็งของตัวเองและเลือกสิ่งที่คุณอยากจะทำให้ดีขึ้นในปีหน้าได้ง่ายขึ้น

ขณะที่คุณสามารถให้คะแนนส่วนต่างๆในชีวิตของคุณได้ เราก็ขอแนะนำให้รู้จักกับ“พายชีวิต”ด้านล่างที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพชีวิตของตัวเองได้ดีขึ้น

แบ่งชีวิตออกมาเป็นส่วนเล็กๆ

หลังจากที่คุณได้ให้คะแนนตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลองใช้เวลาสักนิดเพื่อถามตัวเองว่าคุณต้องการให้แต่ละส่วนนั้นอยู่ในจุดไหน และหาวิธีต่างๆที่จะช่วยให้คุณไปถึงจุดนั้นได้ การจำสิ่งที่คุณต้องการไว้ (และนำไปแปะที่ไหนสักที่ที่คุณมองเห็นได้ง่ายก็ได้) จะช่วยให้คุณรู้ตัวได้ง่ายขึ้นว่ากำลังเดินไปในทิศทางที่คุณต้องการหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จงจำไว้ด้วยว่าไม่ใช่ทุกส่วนในชีวิตของคุณจะต้องได้คะแนน 10 ทั้งหมดถึงจะดี และสิ่งที่จะทำให้แต่ละส่วนของชีวิตของคุณได้คะแนน 10 นั้นก็แตกต่างกันไป อย่างเช่นหากคุณเป็นคนไร้เพศที่คลั่งผู้ชายมาสักพักนึง คุณอาจจะลดลำดับความสำคัญของชีวิตโรแมนติกของคุณลงบ้างเพื่อไปโฟกัสที่การรักตัวเองหรือการออกเดทแบบจริงจังให้มากขึ้น

นอกจากนั้นคุณก็ควรจะเขียนพายชีวิตขึ้นใหม่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมหรือมิถุนายนเพื่อดูว่ามีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงไป และอะไรบ้างที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อย่าลืมให้รางวัลกับความก้าวหน้าของตัวเองและนึกถึงสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินไปข้างหน้า — การได้พูดคุยกับคนใกล้ตัวหรือเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น

2. พยายามเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของตัวเองให้มากขึ้น

ภาพของ DieterMeyrl จาก iStock

ปัญหาหนึ่งของการตั้งปณิธานปีใหม่ก็คือการรู้สึกว่าตัวเองคือคนที่ล้มเหลวหากไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ หรือแม้ว่าการทำได้ตามที่ตั้งไว้และเกิดคำถามกับตัวเองว่า “แล้วทีนี้ยังไงต่อ?”

Daniel Lim — ผู้ก่อตั้งบริษัทเทรนนิ่งสร้างแรงบันดาลใจในเอเชียชื่อ Happy Academy — กล่าวกล่าวว่าการสร้างปณิธานปีใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องของเป้าหมายที่เราเขียนลงไป แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกที่เราจะได้จากการทำเป้าหมายเหล่านั้นสำเร็จมากกว่า ฉะนั้นในปีนี้ ลองมองไปที่ความรู้สึกเหล่านั้นและดูว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้เราได้รับความรู้สึกเช่นนั้นได้

Lim เรียกความรู้สึกนี้ว่าความรู้สึกที่เราต้องการอย่างแท้จริง (หรือ CDF) ตัวอย่างเช่นหากคุณอยากจะรู้สึกกล้าหาญ มีความสุข หรือผ่อนคลายในปีที่จะถึงนี้ คุณก็ต้องมองหาสิ่งที่จะทำให้คุณได้รู้สึกถึงทั้ง 3 อย่างได้

คุณอาจจะรู้สึกว่าการออกความเห็นของตัวเองในบทสนทนา การตอบรับคำเชิญไปงานที่คุณไม่คุ้นเคย และการซื่อสัตย์กับเพื่อนของคุณมากขึ้นจะช่วยให้คุณรู้สึกกล้าหาญมากขึ้น การโพสท์ถึงสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณจะช่วยให้คุณรู้สึกเป็นสุข และบางทีการนั่งสมาธิและการพยายามปล่อยวางในช่วงที่เครียดๆหรือการออกกำลังกายแบบเบาๆจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

การใช้วิธีตรวจสอบตัวเองทุกๆวันจะช่วยให้คุณเห็นว่าตัวเองกำลังดำเนินตามความรู้สึกที่ต้องการอยู่หรือไม่ นอกจากนั้นวิธีนี้ยังเป็นวิธีที่ง่ายในการถามตัวเองว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกกล้าหาญ มีความสุข และผ่อนคลายหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ มีอะไรบ้างที่ฉันจะทำให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้นได้”

ความรู้สึกที่คุณต้องการอาจจะอยู่กับคุณทุกๆหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือแม้กระทั่งหนึ่งปีก็ได้ และคุณยังสามารถปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย และด้วยการตั้งเป้าหมายที่เป็นความรู้สึกมากกว่าการกระทำที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีเป้าหมายที่บรรลุได้ด้วยหลายวิธีมากกว่าการพลาดเป้าหมายอย่างหนึ่งแล้วพลาดไปเลย

3. เขียนจดหมายถึงตัวเองจากอนาคต

ภาพของ bo1982 จาก iStock

ลองนั่งไทม์แมชชีนส่วนตัวไปยังวันที่ 1 มกราคมปีหน้าแล้วเขียนจดหมายชื่นชมตัวเองหลังจากได้บรรลุเป้าหมายที่คุณต้องการ

แม้ว่าการเขียนจดหมายถึงตัวเองอาจฟังดูเหมือนการตั้งปณิธาน แต่เราขอแนะนำให้คุณทำให้มันเป็นเรื่องสนุกและยืดหยุ่นได้ เช่นคุณอาจจะตั้งชื่อตำแหน่งงานของตัวเองได้ อย่างเช่น “ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศทางเลือกในท้องที่” หรือ “ศิลปินอินสตาแกรมผู้เลิศเลอ” “ผู้คลั่งไคล้การเดินเขา” หรือจะเป็น “กูรูดนตรีในพื้นที่” — หรืออาจจะตั้งเป้าหมายในระยะยาวอย่างเช่นการเดินทางหรือการใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้นก็ได้เช่นกัน

ในจดหมายของคุณ เขียนชื่นชมตัวเองหลังจากบรรลุเป้าหมายที่คุณต้องการ ลองพูดถึงขั้นตอนต่างๆที่คุณทำเพื่อไปถึงยังจุดนั้นออกมาให้ชัดเจน และลองเขียนคำแนะนำหรือสิ่งที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงให้กับตัวเองด้วยก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน

ด๊อกเตอร์ Kelly McGonigal นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Stanford University และผู้แต่งหนังสือเกี่ยวกับจิตตานุภาพและการเปลี่ยนแปลงชีวิตกล่าวว่า “งานวิจัยเผยให้เรารู้ว่าการเชื่อมโยงอนาคตของตัวเองด้วยวิธีนี้จะช่วยให้คุณสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ง่ายและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้”

คุณอาจจะเก็บจดหมายของตัวเองไว้ใกล้ๆตัวและหยิบออกมาอ่านเมื่อต้องการแรงบันดาลใจหรืออาจจะขอให้เพื่อนของคุณส่งมาให้ที่บ้านในหนึ่งปีให้หลังก็ได้ สิ่งที่สำคัญก็คือคุณรู้สึกมีพลังที่จะทำในสิ่งที่คุณต้องการและมองเห็นภาพตัวเองที่บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นในอีกหนึ่งปีได้

อ่านแล้วคิดยังไงกันบ้าง อยากปรับแผนการเปลี่ยนแปลงชีวิตในปีนี้กันหรือเปล่า

ภาพของ Martin Dimitrov จาก iStock

Quantcast