พบกับ Pangina Heals พิธีกรร่วมรายการ ‘Drag Race Thailand’: ‘ผมกับ Michelle Visage มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดอยู่อย่างหนึ่ง’
ตอนนี้เป็นเวลาตี 3 ในประเทศไทย และ Pangina Heals พิธีกรร่วมดำเนินรายการที่ใกล้จะมาถึง Drag Race Thailand พึ่งจะจบวันของเธอ ทีแรกนั้นผมหวังว่าจะได้สัมภาษณ์เขาหน้ากล้องในชุดแดร็กแบบเต็ม แต่ยังไงเราก็ได้คุยกับเขาหลังจากที่งานแสดงของเขาจบลงหลังจากที่เขาล้างเครื่องสำอางและถอดเสื้ออยู่บนเตียงคุยกับเราผ่านเว็บแคม เขานั้นเป็นลูกครึ่งไทย-ไต้หวันที่ดูดีตลอดเวลาด้วยหน้าตาที่ยังหนุ่ม ตาสีน้ำตาลเข้มดวงโต พร้อมกับรอยสัก “Strive” ที่หน้าอกซ้ายของเขา และดูเหมือนว่าเขาจะมึนๆจากแอลกอฮอลล์เล็กน้อย
ผมขอให้เขาแนะนำตัวเอง
“ผมเป็นใครน่ะหรอ นี่เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองทุกวันเลย” เขาพูด “ชื่อของผมคือ Pangina Heals”
และบทสนทนาของเราก็เริ่มพูดถึงความโด่งดังของรายการ RuPaul’s Drag Race ในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว มันเป็นรายการที่เปลี่ยนชีวิตของใครหลายๆคน เขากล่าว รายการนี้ได้นำพาแดร็กให้มีบทบาทอย่างชัดเจนและได้ทำให้นักแสดงทั้งหลายอย่างเช่นผมได้แสดงศิลปะในตัวเองและมีบทบาทในระดับโลก
ในหลายๆที่บนโลกนี้ การแสดงแดร็กยังถูกมองว่าเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งที่เกิดจากความต้องการของผู้ชายที่อยากกลายเป็นผู้หญิง Pangina Heals กล่าว “แต่ตอนนี้ผู้คนเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นว่าแดร็กนั้นไม่ใช่เรื่องของเซ็กส์หรือเรื่องทางเพศ แต่มันคือการแสดงและการทำให้คนอื่นมีความสุข”
แต่ Pangina Heals ยืนยันว่าคนที่ชมการแสดง Drag Race นั้นไม่ได้สนใจว่าผู้แสดงจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มันไม่ใช่เรื่องนั้น แต่มันเป็นเรื่องของเสียงหัวเราะและการเป็นคนที่เราอยากเป็น (หรืออะไรก็ได้ที่เราอยากเป็น) แค่นั้นเอง
เรายังได้พูดคุยกันถึงเรื่องประเทศในแถบเอเชียนอกเหนือจากประเทศไทยที่มองว่าการแสดงแดร็กนั้นเป็นเรื่องของ”กระเทย” — ผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง | นี่คือส่วนหนึ่งของรันเวย์และห้องถ่ายทำ ‘RuPaul’s Drag Race Thailand’
“ตอนนี้คุณไม่สามารถจะเหมารวมอะไรได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป” Pangina Heals กล่าว “แต่คนไทยนั้นมีการยอมรับผู้หญิงแปลงเพศหรือเพศทางเลือกอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อมีการประกวดที่โด่งดังในประเทศอย่างการประกวดมิสทิฟฟานี่” (งานประกวดสาวประเภทสองสำหรับหญิงไทยแปลงเพศที่จัดขึ้นทุกเดือนพฤษภาคม)
ผู้หญิงแปลงเพศได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงในประเทศไทย เขากล่าว “ผมถือว่าพวกเขานั้นอยู่ในประเภทเดียวกันกับเรา แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ในภาษาไทยนั้นไม่มีคำว่าแดร็กควีนโดยเฉพาะ เราจึงเรียกพวกเราว่าแดร็กควีนตรงๆ”
เมื่อเราถามถึงความแตกต่างระหว่างแดร็กประเทศไทยและแดร็กประเทศอเมริกา Pangina Heals บอกว่า “ผมคิดว่าแดร็กนั้นรวมๆแล้วคือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และการแสดงถึงตัวตนของเรา และสิ่งที่ตามมาก็คือวัฒนธรรมและปัจเจกบุคคลเหล่านั้น”
แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นจะชอบควีนที่มีบุคลิกเหมือนสาวๆ แต่เขาเสริมว่า “แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่ได้ชอบควีนประเภทอื่นเลย”
ถ้าหาก Drag Race Thailand นั้นประสบความสำเร็จสักครึ่งหนึ่งของความสำเร็จในประเทศสหรัฐอเมริกา ซีรีย์ของไทยนั้นก็อาจจะกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกครั้งใหม่ แล้วอะไรคือเหตุผลที่ Pangina Heals ได้กลายมาเป็นพิธีกรในรายการนี้
“ผมต้องอมควยหลายอันเหมือนกัน” เขาตอบอย่างติดตลก (เราคิดว่าอย่างนั้นนะ)
แต่ความจริงนั้น Pangina Heals เป็นแดร็กควีนที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย ด้วยความสามารถและความพยายามของเขาทำให้เขาชนะรายการแข่งขันแดร็กเรียลลิตี้ ชื่อ T Battle นอกจากนั้นเขายังเข้าร่วมการแข่งขัน Thailand Dance Now และ Lip Sync Battle Thailand รายการเกมโชว์ที่ขึ้นชื่อของไทยอีกสองรายการ และเขายังจัดงานปาร์ตี้ที่บาร์ Maggie Choo’s ในกรุงเทพทุกสัปดาห์อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง | พบกับควีนทั้ง 12 คนที่เราจะได้เห็นในซีซั่นแรกของ ‘RuPaul’s Drag Race Thailand’
ในฐานะพิธีกรร่วมรายการ Drag Race Thailand ทำให้ Pangina Heals ต้องรับบทบาทของ Michelle Visage เพื่อนคนสนิทคนหนึ่งของ RuPaul ที่ในรายการของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นต้องรับบทเป็นกรรมการและยังมีมุขเด็ดๆอยู่ตลอดอีกด้วย (แม้ว่าเขาจะบอกว่าหน้าอกขอเขานั้นไม่ใหญ่พอที่จะเป็น Michelle Visage ได้ก็ตาม)
บทบาทของ Pangina Heals ในรายการ Drag Race Thailand นั้นจะเป็นบทบาทที่ตรงกันข้ามกับ Art Arya เขาคาดว่าความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนนั้นจะดูเหมือน”พี่สาวน้องสาว”ในรายการมากกว่าที่เราได้เห็น RuPaul กับ Visage ในซีรีย์อเมริกา “แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผมก็เป็นพวกจอมตัดสิน” เขาพูดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเราถามว่าเขาได้ทำลายผู้เข้าร่วมแข่งขันไปกี่คนในระหว่างการถ่ายทำ — หรือควีนกี่คนที่ Pangina Heals ทำให้ต้องเสียน้ำตาในซีซั่นที่ 1 — เขาบอกว่าแม้ว่าเขาพยายามที่จะให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาและไม่อยากจะพูดอะไรให้ทำร้ายจิตใจ “พวกเขาทุกคนมีแรงกดดันและรู้สึกเครียดกันอยู่แล้ว ฉะนั้นก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะร้องไห้ออกมา แต่ผมก็ร้องไห้เหมือนกัน”
“คุณต้องเข้าใจนะ” เขาบอก “ตอนที่ Alyssa Edwards บอกว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องของแดร็ก มันเป็นเรื่องส่วนตัว’ ผมกลับไม่เห็นด้วย เพราะสำหรับผมแล้ว แดร็กคือเรื่องส่วนตัวที่สำคัญของผม มันคือสิ่งที่คุณเป็น และบางครั้งเป็นวิธีที่คุณจะได้หนีออกจากโลกภายนอก ซึ่งในโลกของเกย์ที่การถูกตัดสินเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป บางครั้งการมาเป็นแดร็กก็ทำให้เราได้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น และเมื่อตัวคุณที่ดีขึ้นนั้นถูกโจมตี คุณก็จะย่อมรู้สึกแย่และไม่โอเคเป็นธรรมดา เพราะมันเป็นที่ที่คุณได้รู้สึกบรรเทา”
Pangina Heals นั้นไม่สามารถจะพูดถึงรายละเอียดของซีซั่นแรกใน Drag Race Thailand ได้ ฉะนั้นคำถามถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในการถ่ายทำนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ผมจึงถามว่าเขาได้เรียนรู้อะไรจากการถ่ายทำบ้าง
“คุณไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าการต้องนั่งตัดสินคนที่พยายามต่อสู้เพื่ออนาคตของพวกเขา เพื่อความหวัง และเพื่อชีวิตของพวกเขานั้นเป็นความรู้สึกยังไง” เขากล่าว “มันมีบทบาทในชีวิตของพวกเขามาก และผมไม่ได้นึกมาก่อน ในช่วงแรกของการถ่ายทำนั้นผมแทบจะต้องกลั้นน้ำตาอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาเพราะมันเป็นความรู้สึกทียากที่จะอธิบาย”
บทความที่เกี่ยวข้อง | ชมการแนะนำตัวของควีนรุ่นแรกในรายการ ‘Drag Race Thailand’ บทรันเวย์ (มีวีดีโอ)
Pangina Heals คิดว่ารายการ Drag Race Thailand นั้นจะเป็นรายการที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก (“หวังว่าจะมีการทำซับขึ้น” เขาพูดเสริม) และเขายังไม่สามารถที่จะบอกได้เช่นกันว่า RuPaul จะปรากฏตัวในรายการหรือไม่ แต่เมื่อเราถามว่าเขาคิดว่าคุณแม่ควีนแดร็ก หรือ “ซุเปอร์โมเดลแห่งโลกนี้” จะคิดอย่างไรกับคนที่ทำการก๊อปปี้และชม Drag Race Thailand อย่างผิดกฏหมายในต่างประเทศ เขาก็ร่วมแสดงความคิดเห็น
“ผมคิดว่าด้วยความพยายามและการทำงานหนักของทุกคนในการถ่ายทำรายการ การละเมิดลิขสิทธิ์น่าจะเป็นเรื่องต้องห้าม” เขาบอก “เราควรจะสนับสนุนศิลปินเหล่านี้”
แล้วเขาก็ยิ้มและบอกแบบเบาๆกับเราว่า จริงๆแล้วเขาก็ทำแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ
“เฉพาะแค่หนังโป๊นะ” เขาบอก “เฉพาะแค่หนังโป๊”