ในปี 1933 พรรคนาซีประกาศ ‘ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ’ เพื่อลักพาตัว ทำร้าย และฆาตกรรมเพศทางเลือก

ในปี 1933 พรรคนาซีประกาศ ‘ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ’ เพื่อลักพาตัว ทำร้าย และฆาตกรรมเพศทางเลือก

Be first to like this.

This post is also available in: English Español Русский Українська

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 จะนับเป็นวันครบรอบเหตุการณ์ในปี 1933 กับการลงนาม Reichstag Fire Decree อายุ 86 ปีที่ทำให้พรรคนาซีมีโอกาสต่อต้านประชาชนกลุ่มน้อย และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ชั้นเชิงของกลุ่มพรรคร่วมสมัยฝ่ายขวามีอำนาจมากขึ้น นี่ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มองย้อนกลับไปเรียนรู้วิธีการในการสนับสนุนอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในอดีต

ในโลกฝั่งตะวันตก ชาว LGBTQ ต้องเผชิฐกับความเลวร้ายในเยอรมันก่อนที่พรรคนาซีจะมีอำนาจ แต่เหตุการณ์เลวร้ายลงหลังจากการปกครองของพรรคนาซี โดยเฉพาะจากการลงนามชื่อ Reichstag Fire Decree

ก่อนช่วงยุค 30 ประเทศเยอรมันเป็นเหมือนสวรรค์ของเพศทางเลือกทั่วยุโรป ทั้งการใช้กฎหมายต่อต้านเพศทางเลือกอย่างไม่เคร่งครัด ซึ่งทำให้เบอร์ลินนั้นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยของเพศทางเลือกและมีความก้าวหน้ามากกว่าสหรัฐอเมริกา

แต่ภายใต้การปกครองของพรรคนาซี มีอำนาจทางวัฒนธรรมก่อตัวขึ้นซึ่งผลักดันให้เกิดมุมมองในอุดมคติ — และทุกอย่างที่แตกต่างไปจากโลกนั้นกลับถูกมองว่าต้องถูกกำจัด เหตุการณ์ทั้งหมดเลวร้ายลงจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ในปี 1933 นอกจากนั้นฮิตเลอร์พึ่งได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า แต่ได้มีแผนการการจำกัดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเรียบร้อยแล้ว และในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1933 มีไฟไม้เกิดขึ้นที่ Reichstag ที่ตั้งรัฐสภาแห่งประเทศเยอรมัน ซึ่งมีใครไม่ทราบที่มาของไฟดังกล่าว

ฮิตเลอร์ตัดสินว่าไฟไหม้ดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่ากลุ่มคอมมิวนิสท์พยายามจะล้มล้างรัฐบาล และใช้เครื่องมือดังกล่าวผลักดันแผนกวาดล้างประชาชนกลุ่มน้อยที่คิดไว้แล้ว ด้วยการลงนาม Reichstag Fire Decree ชาวเยอรมันสูญเสียเสรีภาพในการชมสื่อ การรวมตัว ความเป็นส่วนตัว และสิทธิในการมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง

เจ้าหน้าที่เริ่มทำการปล้นสถานที่รวมตัวของ LGBTQ ในทันที และทำการลักพาตัวใครก็ตามที่ต้องสงสัยว่าเป็นเพศทางเลือก กลุ่มผู้สนับสนุนเพศทางเลือกถูกระงับ หนังสือและงานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศและตัวตนทางเพศถูกเผาไหม้ในกองไฟ จนกระทั่งเดือนมีนาคม 1933 กลุ่มเพศทางเลือกถูกส่งเข้าไปยังค่ายกักกัน และเหตุการณ์ทั้งหมดกลายเป็นความป่าเถื่อนในเวลาไม่กี่สัปดาห์

เมื่อการลงนาม Reichstag Fire Decree มอบอำนาจให้กับพรรคนาซีสามารถจับกุมและสังหารเพศทางเลือกได้ การหลบหนีกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน เกย์หลายพันคนถูกจับกุม ทารุณ และฆาตกรรม หลายๆคนถูกใช้เป็นหนูทดลองทางการแพทย์ เป็นเรื่องไม่แปลกตาที่จะเห็นผู้ชายถูกต้มอัณฑะจนกระทั่งหลุดออกจากร่างกาย การข่มขืนและการทำร่ายร่างกายจนเสียชีวิตเป็นเรื่องปกติ และบ่อยครั้งที่ทหารผู้คุมใช้เกย์เป็นเป้าฝึกยิงปืน

พรรคนาซีได้จ้างนักวิทยาศาสตร์ที่พร้อมจะทำการทดลองอันตรายหลายๆอย่างกับเพศทางเลือก หลายคนถูกทดลองโดยใช้ฮอร์โมน หลายคนถูกใช้เป็นทาสทางเพศ และหลายคนถูกทำร้ายด้วยความร้อนเพื่อหาวิธีการ”รักษา”อาการรักร่วมเพศ

สิ่งที่พรรคนาซีได้เรียนรู้จาก”การทดลอง”ของพวกเขาไม่ได้มีประโยชน์แม้แต่น้อยและเป็นเพียงแค่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเลวร้ายเท่านั้น

แม้ว่าประชาชนที่ถูกขังจะได้รับการปล่อยตัวหลังจากสงคราม ชาว LGBTQ ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อได้รับความเป็นธรรม — ที่ท้ายที่สุดประเทศเยอรมันก็ได้ตัดสินใจให้สิทธิในการแต่งงานอย่างเท่าเทียมให้กับเพศทางเลือกในทศวรรษนี้

เป็นเรื่องที่แทบจะจินตนาการไม่ออกถึงสังคมที่ครั้งหนึ่งเคยยอมรับเพศทางเลือกกลายเป็นความรุนแรงในเวลาไม่นาน แต่มันก็เกิดขึ้นจริงจากการลงนามของผู้นำที่ใช้ความรุนแรงที่เรียกว่า Reichstag Fire Decree

คุณรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการลงนาม Reichstag Fire Decree ในปี 1933 มากน้อยแค่ไหน

Quantcast